Tuesday, May 26, 2020

COACH Leather Cleaner & Leather Moisturizer

Leather Cleaner & Leather Moisturizer
COACH


เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่มีกระเป๋าหนังแท้ในครอบครองจะต้องเคยเจอปัญหาที่ว่า พอนาน ๆ ไปแล้วหนังเริ่มแห้ง สีเฟด โดยเฉพาะแบรนด์ Balenciaga ส่วนตัวเราเคยชอบแบรนด์นี้มาก เพราะหนังสวย ลายยับของกระเป๋าแต่ละใบเป็นเอกลักษณ์ หนังนุ่ม ลูบแล้วฟิน ดีไซน์ก็เก๋ ไม่มียี่ห้อแปะหรา

ตอนไปเที่ยวฝรั่งเศสซื้อมาใบนึง เป็นรุ่น VELO สีเทาเข้ม รุ่นนี้ใบค่อนข้างใหญ่ สะพายแบบ Cross body ได้ด้วย แต่ถ้าอยากใช้เป็น Handbag ก็แค่ถอดสายยาวออก รุ่นนี้ไม่เหมาะกับคนตัวเล็กเพราะใบใหญ่และสายสะพาย Cross body ก็ยาวมาก เราสูง 167 cm สะพายได้กำลังดี

ซื้อมาตอนปี 2013 ผ่านไปเกือบ 7 ปี ตอนนี้หนังเริ่มแห้ง สีเฟดจนเทาไม่ค่อยจะเข้มแล้ว บางจุดออกเหลืองๆด้วย เป็นเพราะที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ดูแลเค้าดีๆ เวลาเก็บไม่ใส่ถุงกันฝุ่น ใช้สมบุกสมบัน ไม่เคยทาครีมบำรุงให้เค้าเลย


ช่วงปีที่แล้ว (2019) แฟนไปประชุมที่อเมริกาเลยบอกให้ซื้อน้ำยาทำความสะอาดหนังกับครีมบำรุงหนังยี่ห้อ Coach มาด้วย เพราะซื้อที่อเมริกาถูกกว่าที่ไทยมาก ในไทยราคาหิ้วประมาณ 350-500 บาทต่อขวด ที่อเมริการาคาเต็ม 10 US Dollar แต่ซื้อใน Outlet ลดเหลือขวดละ 4 US Dollar บวก TAX นิดหน่อยไม่กี่ Cent


นี่คือสภาพกระเป๋าก่อนทำความสะอาดและลง Moisturizer จะเห็นเลยว่าสีเฟดแล้ว สีไม่สม่ำเสมอทั้งใบ บางจุดดูแห้ง ๆ ด้าน ๆ เหลือง ๆ ไม่เงาเหมือนใหม่ กระเป๋า Balenciaga มีปัญหาสีเฟดเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะหนังสีอ่อน ถ้าเป็นสีเข้ม ๆ เช่น เทาเข้มหรือดำจะไม่ค่อยเฟดมาก

เราใช้ Leather Cleaner เทลงบนผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ ขนาดพอดีมือ แล้วถูวนเบา ๆ ให้ทั่วส่วนที่เป็นหนัง ทั้งตัวกระเป๋าและสายสะพาย ทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมที่ทำจากหนัง

หลังจากนั้นใช้ผ้าขนหนูอีกผืน เท Leather Moisturizer ลงบนผ้าแล้วถูวนเบา ๆ เหมือนเดิม ถูให้ทั่วทุกส่วนที่ทำจากหนัง


2-3 เดือนแรกที่ได้น้ำยามาเราทำความสะอาดและทาครีมบำรุงให้กระเป๋าเดือนละครั้ง หลังจากนั้นก็เว้นระยะเป็น 2 เดือนต่อ 1 ครั้ง รวม ๆ ก็ทำความสะอาดกับทาครีมบำรุงไปแล้วประมาณ 5 ครั้ง จะเห็นได้ชัดเลยว่าหนังดูสีเข้มขึ้น เงางามวิ้ง ๆ หนังนุ่มขึ้น



สีที่เฟดไปแล้วไม่สามารถกลับมาเข้มเหมือนเดิมได้ เพียงแต่น้ำยาทำความสะอาดช่วยขจัดคราบสกปรกที่ติดกระเป๋า ส่วนครีมบำรุงช่วยทำให้เงา เลยดูเหมือนเฟดน้อยลง แต่ที่ชัด ๆ เลยคือความนุ่ม ความเงาของหนัง

เราถอดสายสะพาย Cross body ออกเพราะไม่ได้ใช้ แต่ก็เช็ดแล้วเก็บใส่ถุง ในรูปเลยมีแค่ตัวกระเป๋าให้ดู


ถือว่าพอใจกับคุณภาพของน้ำยาทั้ง 2 ชนิดนี้มาก ๆ ทำให้เราหิ้วกระเป๋าใบนี้บ่อยขึ้น หลังจากที่เคยจิตตกเพราะความเฟดจนไม่กล้าหิ้วอยู่เป็นปี

น้ำยาขวดนึงถ้าเช็ดเดือนละครั้งจะใช้ได้ประมาณ 1 ปี เราไม่ได้ใช้เช็ดแค่ Balenciaga ใบเดียว แต่ใช้กับกระเป๋าหนังทุกใบที่มีอยู่ เช็ดครั้งนึงเกือบ 10 ใบ ทั้งใบใหญ่/เล็กรวม ๆ กัน

แต่ถ้าสีเฟดมาก ๆ จนเหลืองอ๋อย ผิวแห้งกรอบ น้ำยาอะไรก็เอาไม่อยู่ บางคนอาจคิดอยากจะเอาไปย้อมสีใหม่ทับ แต่ถ้าหนังแห้งมาก ทางร้านเค้าจะไม่รับทำเพราะหนังไม่สามารถรับสีได้แล้ว ดังนั้นการที่เราบำรุงให้ผิวเค้านุ่ม จะช่วยคงสภาพเผื่อวันนึงอยากจะย้อมสีทับ เราเองก็วางแผนไว้ว่าถ้าสีเฟดกว่านี้จะเอาไปทำเป็นสีดำ ค่าทำแล้วแต่ร้าน ดี ๆ หน่อยก็หมื่นอัพ หรือจะใจกล้าซื้อสีทาหนังมาทาเองก็ได้ เห็นมีรีวิวคนที่เค้าทำเองเหมือนกันนะ





Thursday, May 14, 2020

The Inkey List : Glycolic Acid Toner

The Inkey List
Glycolic Acid Toner




โทนเนอร์ที่ใช้ประจำ คือ Pixi Glow ใช้มาแล้ว 1 ขวด รู้สึกเลยว่าหน้ากระจ่างใส แต่ด้วยความที่มันมีส่วนผสมของ Glycolic Acid 5% เลยอยากลองตัวอื่นที่มีเปอร์เซ็นต์สูงขึ้น ก็มาเจอ The Inkey List Glycolic Acid Toner ที่มี Glycolic Acid 10%

จริงๆทั้ง 2 ตัวนี้มีข้อดีข้อเสียต่างกัน คือ PIXI Alcohol Free แต่มีส่วนผสมของน้ำหอม ส่วน Inkey List ไม่มีน้ำหอมแต่มี Alcohol ดังนั้นใครแพ้อะไรก็เลือกเอาตามส่วนผสมที่ว่านี้เลย

เมื่อมีความอยากลอง และ app Sephora ก็อยู่ในมือถือแล้ว จะรออะไร สั่งเลยจ้าาาา กดสั่งซื้อไป รอพัสดุ 4-5 วันเพราะช่วง Covid-19 ใช้เวลานานกว่าปกติ ของมาถึงรีบแกะด้วยความตื่นเต้น แถ่น แทน แท้นนนนน!!!!

เปิดกล่องพัสดุ แกะห่อบับเบิลกันกระแทก ... ปรากฏว่ากล่องใส่โทนเนอร์มีรอยด่าง ย่น บวม ลักษณะเหมือนเคยเปียกจนเปื่อยจนแห้ง เปิดกล่องกระดาษออกดูขวดข้างใน มีคราบโทนเนอร์เปื้อน เกาะติดจนแห้งเป็นก้อนเล็กๆรอบคอขวด เป็นเพราะเกลียวปิดไม่สนิท โทนเนอร์เลยไหลซึมออกมา ถ่ายรูปเอาไว้แค่กล่อง ส่วนขวดไม่ทันได้ถ่าย คราบเลอะมือเลยรีบเช็ดออกไปซะก่อน


แต่ไม่มีปัญหา Sephora มีบริการเปลี่ยนสินค้าชิ้นใหม่ให้ หรือจะเลือกเป็นขอคืนเงินก็ได้ แค่เข้าไปที่ app กดคำว่า Seek Assistant ตรง Order ที่เราสั่งสินค้าชิ้นนี้ ถ่ายรูปสินค้าที่เสียหายส่งทางอีเมล์ วันต่อมาจะมีเจ้าหน้าที่บริษัทขนส่งมารับของที่เสียหายกลับคืนไป แล้วของชิ้นใหม่จะถูกส่งมา ขั้นตอนทั้งหมดนี้จบใน 3 วันถ้าไม่ติดเสาร์-อาทิตย์


โอเค ตอนนี้เราได้โทนเนอร์ขวดใหม่มาแล้ว ลองใช้เลย ... เราใช้สำลียี่ห้อ Rii เบอร์ 52 สำหรับโทนเนอร์ มันช่วยประหยัดได้มากๆ (ยี่ห้อ AIME ก็ใช้ดีนะ) ปกติถ้าเป็นโทนเนอร์ PIXI แค่ 3 หยดก็พอแล้ว แต่ Inkey List รูเล็ก เลยต้องเหยาะไป 5 หยดถึงจะได้ปริมาณเพียงพอกับหน้าเรา

ความรู้สึกแรกที่สัมผัสใบหน้ามันจะยิบๆหน่อยๆ เพราะเปอร์เซ็นต์ของ Glycolic Acid สูงกว่าที่เคยใช้ประจำ หลังจากนั้นก็ตามด้วยขั้นตอนอื่นๆต่อไป คือ น้ำตบ-อายครีม-เซรั่ม-มอยเจอร์ไรเซอร์ ขั้นตอนแบบนี้เราทำมานานแล้ว เป็นคนไม่ชอบทาอายครีมหลังสุด รู้สึกมันไม่ซึมเข้าผิว พอมาเจอคุณ Caroline Hirons สอนเรื่อง Skincare Routine ว่าต้องทาอะไรก่อนหลัง ซึ่งตรงกับที่เราทำอยู่แล้ว ยิ่งมั่นใจว่า Step ต่างๆของเรามันโอเคแล้วล่ะ

โทนเนอร์ตัวนี้ควรใช้เฉพาะกลางคืน สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งพอ และกลางวันต้องทากันแดดเสมอ ย้ำว่าต้องทาครีมกันแดด!!! เพราะการใช้ Glycolic Acid จะทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น หลังจากที่ผิวเริ่มคุ้นชิน จะใช้ทุกคืนก็ได้ แต่ส่วนตัวเราว่ามันจะทำให้ผิวแห้งจนเกินไป ระคายเคือง อีกอย่างคือเรามี Skincare อีกหลายตัวที่ต้องใช้สลับๆกัน เอาไว้จะมารีวิวต่อว่า Skincare ตัวอื่นๆที่ว่านั้นมีอะไรบ้าง



Tuesday, May 12, 2020

Sunday Riley Oils

Sunday Riley Oils

มีความวอแวอยากลองใช้ Oil ทาหน้ามาซักพักแล้ว หาอ่านรีวิวจาก Blog ต่างประเทศ โดยเฉพาะคุณ Caroline Hirons สุดท้ายมาจบที่แบรนด์ Sunday Riley ซึ่งเค้ามี Oil หลายตัว แต่ละตัวก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน



  • Luna : Sleeping Night Oil จุดเด่นคือมี Retinol ช่วยลดริ้วรอย ประกอบไปด้วย Trans-retinoic acid ester (Retinol), Avocado , Grape seed oil ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวที่เสียจากแดด และมลภาวะ แก้ปัญหาริ้วรอยแห่งวัย รูขุมขนกระชับ ปรับสภาพผิวให้เเข็งเเรงดูอ่อนเยาว์ เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ผิวสว่างกระจ่างใสเรียบเนียน

  • C.E.O. Glow : Vitamin C and Turmeric Face Oil จุดเด่นคือมีส่วนผสมของวิตามินซี ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดริ้วรอย ปกป้องผิวจากมลภาวะ ลดความหมองคล้ำ หย่อนคล้อย รอยแดง รอยดำ รอยสิว มีขมิ้นชัน Golden Turmeric ซึ่งอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดรอยแดง และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ปลอบประโลมผิวให้ผ่อนคลาย


    • Juno : Antioxidant + Superfood Face Oil จุดเด่นคือเป็นอาหารผิว ช่วยให้ผิวสุขภาพดี อุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ, vitamin C, essential amino acids, omegas 3, 6, & 9 ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี และกระชับรูขุมขนให้เล็กลง ลดรอยแดง ปรับผิวให้เรียบเนียนกระจ่างใส

    • U.F.O. : Ultra Clarifying Acne Treatment Face Oil จุดเด่นคือเหมาะกับผิวที่มีปัญหาสิว ช่วยกระชับรูขุมขน และป้องกันการเกิดสิวให้ผิวใสสดชื่น เรียบเนียนยิ่งขึ้น ส่วนผสมจาก Tea tree oil และ black cumin seed oil ช่วยให้ผิวสะอาด ขจัดแบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนัง เพิ่มความชุ่มชื้นไม่ทำให้ผิวแห้งแตกเป็นขุย


    พอได้จังหวะ Sephora ลดราคา 20% เลยกดมา 3 ตัว คือ Luna-Juno-C.E.O. ส่วน U.F.O. ไม่ได้ซื้อเพราะส่วนตัวไม่มีปัญหาสิว ผลิตภัณฑ์มี 2 ขนาด คือ 15ml กับ 35ml เนื่องจากเราจะทำการทดลองเลยเลือกขนาดเล็ก 15ml แล้วถ้าตัวไหนใช้ดีค่อยซื้อขวดใหญ่ทีหลัง

    บอกเลยว่าแพคเกจจิ้งดีมาก ประทับใจ กล่องกระดาษหนาแข็งแรง เปิดออกมาเป็นขวดแก้วแบบมีดรอปเปอร์ ตัวขวดวางล็อกอยู่อย่างแน่นหนา ดูหรูหราทั้งๆที่แบรนด์ออกตัวว่าตัวเองเป็นแบรนด์ที่ไม่หรู แต่กลับทำแพคเกจจิ้งดีกว่าแบรนด์หรูบางแบรนด์ซะอีก



    เหตุผลที่เลือก Oil 3 ตัวนี้เพราะ
    1. กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็น Retinol ลดริ้วรอย ซึ่ง Luna ตอบโจทย์นี้ จริงๆก็ลังเลว่าจะเอา Serum ของ Alpha-H ดีมั้ย อันนั้นคุณ Caroline Hirons  ก็แนะนำว่าเหมาะกับคนที่จะเริ่มใช้ Retinol (Vitamin A) แต่ไหนๆก็จะซื้อของ Sunday Riley แล้ว เลยจัดยี่ห้อเดียวกันทุกตัว
    2. เอา C.E.O. มาสำรองไว้ เพราะ Vitamin C ของ Kiehl's ที่กำลังใช้อยู่ใกล้จะหมด
    3. เลือก Juno เพราะรู้สึกว่าผิวตัวเองยังสุขภาพไม่ดีพอ อยากได้ตัวบำรุงเพิ่ม
    หลังใช้ไปซักพักจะมีรีวิว Oil 3 ตัวนี้แยกเป็น 3 Post รอติดตามน้าาาา...